ชลบุรี # ตำรวจภาค2 แสดงข่าวคดีช่อโกงโอน 1 บาทได้รถ 1 คัน (มีคลิป)

ชลบุรี # ตำรวจภาค2 แสดงข่าวคดีช่อโกงโอน 1 บาทได้รถ 1 คัน

[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=QqWzmAE4INk[/embedyt]

 

#เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (2 เมษายน 2564) ณ สำนักงานตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ต.นิธิธร จิตกานนท์ รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ ปรก.รอง ผบช.ภ.2   และ พล.ต.ต.นันทวุฒิ สุวรรณละออง ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี ร่วมกันแถลงข่าวกลุ่มคนร้ายหลอกซื้อรถยนต์ MG รวม 16 คัน โดยปลอมสลิปโอนเงิน

สืบเนื่องจาก วานนี้(1 เม.ย.64) เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 2 ได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนตำรวจนครบาล แจ้งว่า เมื่อวันที่ 1 เม.ย.64 ทางบริษัทเบสออโตเซลล์ ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อเอ็มจี สาขาเพชรเกษม ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายประกอบด้วย นายองอาจ ทรัพย์มั่น อายุ 24 ปี ที่อยู่ 22 ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ซึ่งได้ติดต่อขอซื้อรถยนต์ยี่ห้อเอ็มจี จากพนักงานขายของบริษัท รวม 18 คัน โดยมี น.ส.ณัฐฐนันท์ อิทธิพร อายุ 43 ปี ที่อยู่ 60 ซอยแสนสุข แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ แฟนสาวเป็นผู้ส่งสลิปการโอนเงินค่าซื้อรถยนต์จำนวนดังกล่าวให้กับทางบริษัท เป็นจำนวนเงินประมาณ 16 ล้าน 2 แสนบาท ซึ่งต่อมาทางบริษัทได้ทยอยส่งมอบรถยนต์ให้กับ นายองอาจฯ ไปแล้ว จำนวน 16 คัน เหลืออีก 2 คัน แต่ต่อมาทางบริษัทได้ทำการตรวจสอบยอดเงินที่โอนเข้าบัญชีของบริษัท พบว่ามียอดเงินโอนเข้ามาจริงเพียง จำนวน 1 บาท เท่านั้น ไม่ตรงตามสลิปที่ น.ส.ณัฐฐนันท์ฯ ส่งหลักฐานมาให้ทางบริษัทดู เชื่อว่าได้ถูกทั้งสองคนร่วมกันหลอกลวง จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดและติดตามรถยนต์ทั้งหมดที่ถูกประทุษร้ายไป เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 2 จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนของตำรวจนครบาล ระดมกำลังสืบสวนติดตามรถยนต์ทั้ง 16 คัน จากเครือข่ายของนายองอาจ และ น.ส.ณัฐฐนันท์ จนสามารถตรวจยึดรถยนต์ทั้งหมดได้ในเขตพื้นที่ กทม.จำนวน 5 คัน , ภ.จว.สระแก้ว จำนวน 1 คัน , ภ.จว.ปราจีนบุรี จำนวน 1 คัน ในเขตพื้นที่ ภ.จว.ชลบุรี สามารถตรวจยึดได้ที่เขต สภ.นาจอมเทียน จำนวน 2 คัน , สภ.บางละมุง จำนวน 3 คัน และ สภ.สัตหีบ จำนวน 4 คัน รวมได้รถยนต์คืนทั้งหมด จำนวน 16 คัน

พฤติการณ์ของคนร้ายคือ เมื่อปลายเดือน มีนาคม 2564 นายองอาจ ทรัพย์มั่น ฃและ น.ส.ณัฐฐนันญ์ อิทธิพร ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน ได้ติดต่อเพื่อเช่าซื้อรถยนต์ และได้ทำการจองในวันดังกล่าวทางบริษัทก็ได้ดำเนินการเรื่องสินเชื่อจนผ่านระบบการเช่าซื้อ และนัดส่งรถยนต์คันแรกเรียบร้อย ในเวลาต่อมาผู้กระทำความผิดได้ติดต่อกลับมายังพนักงานขายว่ามีความต้องการจะซื้อรถยนต์อเนกประสงค์ยี่ห้อ MG รุ่น ZS จำนวน 7 คัน รุ่น HS จำนวน 3 คัน รุ่น HS PHEV จำนวน 2 คัน รถเก๋งรุ่น MG3 จำนวน 1 คัน และกระบะรุ่น EXTENDER จำนวน 3 คัน รวม 16 คันโดยอ้างว่าตนเองเป็นผู้ได้รับสัมปทานก่อสร้างใหญ่ในพื้นที่ชลบุรีบางละมุงพัทยาสัตหีบ และพูดอวดอ้างถึงความร่ำรวยของตนเอง และแจ้งว่าจะซื้อรถเป็นเงินสดเพราะไม่อยากทำการเช่าซื้อจนพนักงานขายเชื่อว่าผู้กระทำความผิดมีฐานะและจะซื้อรถยนต์ และแจ้งให้กับพนักงานขายทยอยส่งรถทุกวันตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2564 เป็นต้นมาในระหว่างที่ให้ส่งมอบรถก็จะใช้เวลาช่วงค่ำๆ ในการรับรถทุกครั้งและใช้วิธีโอนเงินผ่านธนาคารกรุงไทยโดยส่งสลิปปลอมที่เตรียมไว้อยู่แล้วส่งให้กับพนักงานขายซึ่ง พนักงานขายไม่ได้ตรวจเช็คโดยละเอียดเพราะเป็นเวลาค่ำมืดแล้วและสถานที่ส่งมอบเป็นบ้านใหญ่โตจึงมีความเชื่อถือและรีบกลับไปเตรียมรถเพื่อจะส่งมอบในวันพรุ่งนี้และวันต่อๆไปเป็นอย่างนี้ทุกครั้ง จนเวลาผ่านไปสามถึงสี่วันทางฝ่ายบัญชีของบริษัทได้มีการตรวจสอบแล้วพบว่ามีเงินโอนเข้าแค่คันละ 1 บาทซึ่งไม่ตรงกับสลิปที่พนักงานขายส่งให้กับทางบัญชี เมื่อทางบริษัทตรวจสอบแล้วว่าถูกฉ้อโกงแน่นอนจึงติดต่อกลับเอ็มจีไทยแลนด์เพื่อให้ตรวจสอบรถยนต์ว่าอยู่ที่ไหนบ้างโดยใช้แอพพลิเคชั่นค้นหารถยนต์ที่เรียกว่า ไอสมาร์ทที่ติดตั้งมากับตัวรถจนพบว่ารถยนต์ทั้ง 16 คันอยู่ตำแหน่งไหนบ้างจึงได้ประสานงานกับพลตำรวจตรีนันทวุฒิ สุวรรณละออง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรีเพราะมีรถยนต์ อยู่ในพื้นที่ของท่านและท่านก็ช่วยประสานงานติดตามรถยนต์ที่เหลือจนได้ครบทุกคันมูลค่าประมาณ 17 ล้านบาท

ทั้งนี้คนร้ายใช้อุบายและปลอมเอกสารสลิปการโอนเงิน ส่งหลักฐานทางไลน์ให้บริษัท เมื่อบริษัทผู้เสียหายหลงเชื่อว่าได้รับการชำระค่ารถครบถ้วนแล้ว จึงส่งมอบรถ จำนวนดังกล่าวให้ไป ภายหลังตรวจสอบพบว่า การโอนเงินแต่ละครั้งมียอดจำนวนเพียง 1 บาท จึงแจ้งความร้องทุกข์ที่ สน.เพชรเกษม จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบประวัติของนายองอาจฯ และ น.ส.ณัฐฐนันญ์ฯ พบว่า ทั้งสองคนถูกศาลจังหวัดพัทยาออกหมายจับ ที่ จ.100/64 และ จ.101/64 ลงวันที่ 25 มีนาคม 2564 ในฐานความผิด ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นโดยทุจริต ฉ้อโกงทรัพย์ จากการหลอกซื้อคอนโดหรูกลางเมืองพัทยา โดยใช้พฤติการณ์ฉ้อโกงแบบเดียวกัน

ในส่วนของ นายองอาจ และ น.ส.ณัฐฐนันท์ ขณะนี้ยังไม่พบตัวกำลังหลบหนี ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามตัวนายองอาจ และนางสาวณัฐฐนันท์ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และจะทำการสืบสวนหาผู้ร่วมขบวนการที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบสวน หากพบมีส่วนเกี่ยวข้องจะดำเนินคดีทั้งหมด

/ภาพ/ข่าว#สรศักดิ์ สิริสา บริบูรณ์ รายงาน จากศูนย์ข่าว ชลนิวส์ทีวี online 087-6142444

Related posts