อนุ กมธ การเงิน การคลัง ถกหนักดอกเบี้ย 24-25 เปิดเส้นประชาชนร้อน

อนุ กมธ การเงิน การคลัง ถกหนักดอกเบี้ย 24-25 เปิดเส้นประชาชนร้อน
https://youtu.be/jd7peYlZXDI
เมื่อเวลา 13.30  น.  วันนี้ (3 ธันวาคม 2567)  ณ  ห้องประชุมกรรมาธิการ N403  อาคารรัฐสภา  คณะอนุกรรมาธิการการเงิน  การคลัง  ในคณะกรรมาธิการการเงิน  การคลัง  สถาบันการเงินและการตลาดเงิน  สภาผู้แทนราษฎร  ร่วมประชุมและหารือเร่งด่วน  โดยมีเรื่องพิจารณาหนึ่งคือการกำหนดและกำกับดูแลอัตราดอกเบี้ย  และอัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารแห่งประเทศไทย  โดยมีการเชิญ  ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยมาให้ข้อมูลต่อคณะอนุกรรมาธิการ
นายจิตติพจน์  วิริยะโรจน์  สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย  จ.ศรีษะเกษ  ประธานอนุกรรมาธิการการเงิน  การคลัง  ในคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง  สถาบันการเงินและการตลาดเงิน  สภาผู้แทนราษฎร  กล่าวว่า  ปัจจุบันพบว่าประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสถาบันการเงินในส่วนของดอกเบี้ยเงินกู้  โดยสถาบันการเงินเรียกเก็บดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคลสูงถึงร้อยละ 24-25  และบัตรเครดิตร้อยละ 16  ซึ่งการเรียกเก็บอัตรดอกเบียดังกล่าวสูงเกินกว่าที่กฎหมายแพ่งพาณิชย์  มาตรา 654  กำหนด ห้ามมิให้เก็บดอกเบี้ยเกินร้อยละ 15 ต่อปี  ทั้งนี้เกิดจากธนาคารแห่งประเทศไทยได้อ้างอิงประกาศคณะปฏิวัติ  ฉบับที่ 58  พ.ศ.2515  ที่ให้อำนาจในการควบคุมกิจการค้าขาย  อันรวมถึงกิจการจัดหาเงินทุนเพื่อบุคคลอื่น  ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถกำหนดอัตราดอกเบี้ยได้
 
นายจิตติพจน์  วิริยะโรจน์  กล่าวต่อว่า  การที่ธนาคารแห่งประเทศไทยอนุญาตให้สถาบันการเงินเก็บดอกเบี้ยสูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดเช่นนี้นับว่าเป็นการขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ  ฉบับปี 2560  ซึ่งในแง่ของกฎหมายแล้วประกาศต่าง ๆ จากคณะปฏิวัติมีศักดิ์ต่ำกว่ากฎหมายแพ่งและพาณิชย์  ซึ่งเป็นกฎหมายระดับพระราชบัญญัติ  ซ้ำยังส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน  หนี้สินล้นพ้นตัว  ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องเร่งแก้ไขกรณีนี้เป็นการด่วน  เมื่อลดดอกเบี้ยภาระการชำระหนี้ของประชาชนจะลดลง  มีเงินเหลือมาชำระเงินกู้ในลักษณะทบต้นทบดอก  ลดปัญหาหนี้ครัวเรือน  ส่งผลให้สถาบันการเงินเข้มแข็งขึ้น  เศรษฐกิจของประเทศก็จะดีขึ้นตาม
 
ทางคณะกรรมาธิการติดตามเรื่องนี้มานานและพยายามพูดคุยหาทางแก้ไขมานานกว่า 6 ปี  แต่ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ทำได้เพัยงลดอัตาดอกเบี้ยลงเพียงร้อยละ 1 เท่านั้น  ซึ่งอัตารดอกเบี้ยก็ยังเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้  และหากจะมีข้ออ้างใด ๆ ว่าอัตราดอกเบี้ยแท้จริงเพียงร้อยละ 15 ตามที่กฎหมายกำหนด  แต่ที่เกินมานั้นเป็นค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ก็ไม่สามารถอ้างได้  เพราะกฎหมายก็ได้กำหนดไว้เช่นกันว่าห้ามไม่ให้มีการกระทำการลักษณะอำพรางการกู้ยืม  หากกระทำความผิดมีความผิดตามกฎหมายต้อระวางโทษจำคุกและปรับ
 
จากนี้ คณะอนุกรรมาธิการการเงิน  การคลัง  ในคณะกรรมาธิการการเงิน  การคลัง  สถาบันการเงินและการตลาดเงิน  สภาผู้แทนราษฎร  จะได้ทำการเรียกผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย  มาทำความเข้าใจและนำเรื่องไปแก้ไขปัญหา  ควบคู่กับการนำเรื่องเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรให้ทำการยกเลิกประกาศคณะปฏิวัติต่าง ๆ ที่ล้าสมัย  ไม่ทันต่อเหตุการณ์  เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนและไม่ให้ผู้ใดนำประกาศนั้น ๆ ใปใช้อำนาจซึ่งขัดกับรัฐธรรมนูยและกฎหมายต่าง ๆ

Related posts