สระแก้ว- คืบหน้าหลอกชาวบ้านกู้เงินธนาคารเป็นแสน

*****ชาวบ้านในตำบลโคกปี่ฆ้อง จังหวัดสระแก้ว อีกเกือบ 20 คน ขึ้นโรงพักปางสีดา แจ้งความเมียรองนายก อบต.แห่งหนึ่งพร้อมกับพวกเพิ่มเติมอีก หลังร่วมกันหลอกชาวบ้านเก็บบัตรประชาชนนำไปกู้เงินผ่านแอพพลิเคชั่น เคพลัส ของธนาคารกสิกรไทย แต่ชาวบ้านกลับไม่ได้เงินและพบว่าตัวเองเป็นหนี้คนละหลายแสนบาท ขณะที่คดีนี้ กำลังได้รับความสนใจจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะดีเอสไอ///

 


*****นางชมพู คงเมือง (เสื้อแดง) ผู้ใหญ่บ้านเจ็ดหลัง หมู่ 13 ตำบลโคกปี่ฆ้อง เขตอำเภอเมืองสระแก้ว ต้องพาลูกบ้านอีก 17 คน ขึ้นโรงพักปางสีดา เพื่อแจ้งความเพิ่มเติมกับร้อยตำรวจเอก.ชูศักดิ์ กลางประพันธ์ ร้อยเวรฯ ในการดำเนินคดีหลอกลวงฉ้อโกงกับเมียรองนายก อบต.แห่งหนึ่งในเขตอำเภอเมืองสระแก้ว หลังเมียรองนายก อบต.คนนี้ได้ร่วมกับพวก เก็บบัตรประชาชนของชาวบ้านเอาไปกู้เงินผ่านแอพพลิเคชั่น เคพลัส ธนาคารกสิกรไทย ก่อนที่จะมีใบแจ้งหนี้เป็นเงินหลายแสนบาท โดยมีชาวบ้านบางคนไม่ได้รับเงินแม้แต่บาทเดียว แต่ก็ยังมีชาวบ้านบางคนได้รับเงินสดจากเมียรองนายก อบต.คนนี้ แต่ก็ได้ไม่เต็มจำนวน / ซึ่งหลังจากสื่อมวลชนนำเสนอข่าวนี้ออกไปแล้ว เมียรองนายก อบต.พร้อมพวก พยายามเข้าไปไกล่เกลี่ยชาวบ้าน ต่อรองจ่ายเงินเพียงครึ่งเดียว โดยให้ชาวบ้านยอมรับสภาพหนี้เต็มจำนวนถึง 500,000 บาท ซึ่งชาวบ้านก็ยืนยันกับทีมข่าว จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด


*****ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านเจ็ดหลัง หรือ ชาวบ้านเรียกกันว่า ผู้ใหญ่พู ยอมรับว่า รู้ข่าวการเรียกเก็บบัตรประชาชนของชาวบ้านเอาไปกู้เงิน ตั้งแต่ 3 ถึง 4 เดือนที่แล้ว โดยส่วนตัวก็ได้แจ้งข้อมูลในไลน์กลุ่มของหมู่บ้าน หรือ แม้แต่ประกาศเสียงตามสาย ไม่ให้ชาวบ้านหลงเชื่อ แต่จากสภาพเศรษฐกิจข้าวยากหมากแพงในยุคโควิด ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียวกู้เงินจากธนาคารที่น่าเชื่อถือ ทำให้มีชาวบ้านเจ็ดหลัง ตกเป็นเหยื่อจากขบวนการนี้แล้วเกือบ 20 คน / ส่วนในวันนี้ ทางผู้ใหญ่พู ได้พาชาวบ้านไปลงบันทึกประจำวันกับตำรวจภูธรปางสีดา เพราะว่ายังมีชาวบ้านอีกหลายคนที่ไม่รู้ว่า ตัวเองมีชื่อบัญชีของธนาคารกสิกรไทยแล้ว และเกรงว่า จะเป็นหนี้ธนาคารโดยไม่รู้ตัว หลังจากไม่ได้รับการติดต่อจากเมียรองนายก อบต.ที่ได้เก็บบัตรประชาชนไป และผ่านขั้นตอนสแกนใบหน้าไปแล้วหลายเดือน


*****ผู้ใหญ่พูยังบอกอีกว่า เมื่อคืนนี้ เมียรองนายก อบต.พร้อมพวกประมาณ 3 คน เข้าไปหาลูกบ้าน พยายามต่อรองขอจ่ายเงินเพียงครึ่งเดียว โดยกล่าวอ้างไปต่างๆนาๆ ว่ากระบวนการกู้เงินจากธนาคารนั้น ถูกกฎหมาย ไม่ได้หลอกลวงชาวบ้านเหมือนกับการนำเสนอข่าว โดยลูกบ้านได้ปฏิเสธเมียรองนายก อบต.คนนี้ไป และยืนยันจะดำเนินคดีถึงที่สุด นอกจากนั้น ชาวบ้านยังให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ได้มีเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ โทรศัพท์มาสอบถามรายละเอียดที่เกิดขึ้น และแจ้งข้อมูลกับชาวบ้านว่า คดีนี้ทางดีเอสไอ กำลังให้ความสนใจจะส่งทีมลงพื้นที่มาดูแลคดีนี้


*****ทีมข่าวได้ตรวจสอบการทำธุรกรรมทางการเงิน จากเอกสารของชาวบ้าน อายุ 67 ปีคนหนึ่ง ที่มีอาชีพรับจ้างทั่วไป และก็ได้รับการยืนยันจากลูกชายของลุงวัย 67 ปีคนนี้ว่า ก่อนหน้านี้ไปขอคัดเอกสาร เงินเข้า-ออกบัญชีของพ่อจากธนาคารกสิกรไทย สาขาสระแก้ว พบความผิดปกติหลายอย่าง ตั้งแต่สาขาเจ้าของบัญชี ระบุว่า เป็นธนาคารกสิกรไทย สาขาเอสพละนาด รัชดาภิเษก มีการแต่งบัญชีให้กับพ่อมีรายได้ต่อเดือนสูงถึง 90,000 บาท เพื่อขยายเพดานเงินกู้ให้ได้เงินจำนวนมาก ก่อนที่พ่อจะเป็นหนี้ธนาคาร 376,000 บาท โดยได้รับเงินสดจากเมียรองนายก อบต.เพียง 15,000 บาทนั้น

รายละเอียดในการทำธุรกรรมทางการเงิน ของขบวนการเมียรองนายก อบต.คนนี้ ระยะเวลาภายใน 7 วัน สามารถเบิกและถอนเงิน 376,000 บาท หมดเกลี้ยงบัญชีภายใน 12 รายการ มีการถอนเงินสดรวมถึงโอนเงินเข้าไปยังบัญชีต่างๆ ที่มีรายชื่อปลายทางระบุผู้รับชัดเจน โดยชาวบ้านตั้งข้อสังเกตได้ว่า ขบวนการหลอกลวงชาวบ้านของกลุ่มเมียรองนายก อบต.กลุ่มนี้ มีคนร่วมขบวนการไม่ต่ำกว่า 10 คนอย่างแน่นอน / อย่างเช่นหญิงชาวบ้านคนนี้ ยอมรับว่า หลังจากรู้ว่าชาวบ้านน่าจะถูกหลวงลวงแน่นอน จึงได้เดินทางไปติดต่อธนาคารกสิกรไทย สาขาสระแก้ว เพื่อขอปิดบัญชีทันที เพื่อเป็นการป้องกันการเป็นหนี้โดยไม่รู้ตัว

*****พันตำรวจโท.ธำรงค์ ชูหมุน รองผู้กำกับฝ่ายปราบปราม สถานีตำรวจภูธรปางสีดา บอกว่า วันนี้ ทางร้อยเวรฯได้เรียกชาวบ้านให้ข้อมูลในเบื้องต้น ก่อนจะเรียกมาสอบสวนเพิ่มเติมเป็นรายบุคคล ซึ่งเรื่องนี้กำลังได้รับความสนใจจากสังคมเป็นวงกว้าง เพราะทางสำนักงานยุติธรรมจังหวัดสระแก้วเอง ขณะนี้ส่งเจ้าหน้าที่ลงมาให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมายกับชาวบ้านแล้ว และตำรวจเจ้าของท้องที่เอง จะเร่งดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาให้เร็วที่สุด

***ภาพ/สมศักดิ์ สารการ /ข่าว สมสัณห์ เอี่ยมศิลป์ /บูรพาทีวีออนไลน์ รายงาน

 

Related posts