จิตติพจน์ วิริยะโรจน์ อภิปรายดิจิทัลวอลเล็ต เตรียมความพร้อมทางดิจิทัลสู่การเป็น Digital Government สร้างความคล่องตัวให้กับนักลงทุน หวังแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจประเทศไทย

จิตติพจน์ วิริยะโรจน์ อภิปรายดิจิทัลวอลเล็ต เตรียมความพร้อมทางดิจิทัลสู่การเป็น Digital Government สร้างความคล่องตัวให้กับนักลงทุน หวังแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจประเทศไทย

 

เมื่อวันที่ 3 กันยายน ที่อาคารรัฐสภา กรุงเทพฯ ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 2 ครั้งที่ 20 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยนายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยได้อภิปรายเกี่ยวกับดิจิทัลวอลเล็ต เตรียมความพร้อมทางดิจิทัลสู่การเป็น Digital Government

โดยมีการอภิปรายว่า ตนเองได้แปรญัตติไว้ เนื่องด้วยความห่วงกังวลถึงสภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทย คือเรื่องของงบประมาณที่ขาดดุลกันมาเรื่อยๆ หากไปตรวจสอบประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาจะพบว่าประเทศไทย เคยแก้ไขปัญหาได้ในปี พ.ศ 2548 โดยทำงบประมาณสมดุลได้ ทั้งๆที่พึ่งผ่านจากวิกฤต IMF ไม่นาน ในสมัยนั้น ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และสามารถบริหารงานให้ประเทศไทยมีงบประมาณสมดุลได้เป็นครั้งแรก แต่เป็นที่น่าเสียดายปีต่อมาในปี 49 มีการปฏิวัติรัฐประหารหลังจากนั้นประเทศของเราก็ตกอยู่ในวังวนงบประมาณขาดทุนมาโดยตลอด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก จากการศึกษาพบว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้งบประมาณขาดดุล

มีเหตุผลหลักๆ คือ เรื่องของการเข้าไปมีส่วนแบ่งในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตใหม่ๆ ไม่ว่าอุตสาหกรรมอะไรที่เป็นเทรน เป็นอนาคต จะต้องมีเข้าไปส่วนร่วมด้วย ทำให้เศรษฐกิจมีความเข้มแข็ง จะทำให้งบประมาณของประเทศสมดุลได้ ในอนาคตซึ่งไม่ใช่เรื่องยากจนเกินกว่าความสามารถ หากยกตัวอย่างโครงการที่รัฐบาลเพื่อไทยได้คิดไว้ น่าจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดดแล้วจะมากังวลทำไมในเรื่องหนี้สาธารณะต่อ GDP

โครงการหนึ่งที่ทำได้ดีมากคือโครงการที่เรียกว่า Digital wallet สำหรับโครงการที่เช่า wallet นั้นถ้าหากว่าทำให้สมบูรณ์ถูกต้องแล้ว นอกจากจะมี Digital wallet แล้ว จะต้องมี Digital Identity หรือที่เรียกว่าอาจจะเรียกได้ว่าเป็นบัตรประชาชนดิจิทัล ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก ในประเทศสหภาพยุโรปได้มีการรวมกันทั้ง 27 ประเทศ ซึ่งเป็นบัตรประชาชนดิจิทัลที่คน EU ทั้ง 27 ประเทศสามารถใช้ร่วมกันได้กล่าวคือคนฝรั่งเศสถ้าหากว่าไปเยอรมัน หรือไปเบลเยี่ยมก็ใช้บัตรเดียวกัน ใช้เป็นทั้งบัตรประชาชนใบขับขี่ การเข้ารับการรักษาพยาบาล ก็มีประวัติเช่นเดียวกันใช้บัตรใบเดียวครับ และมีการดำเนินการ 27 ประเทศ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา ประเทศของเราก็ทำได้เช่นเดียวกัน

ดังนั้นประเทศไทยควรทำ Digital Identity wallet รวมทั้งจะต้องทำในเรื่องของ Digital Government ขออนุญาตยกตัวอย่าง ประชาชนนะเวลาที่จะไปจัดตั้งบริษัท จะไปติดต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แต่เดิมต้องถ่ายเอกสารไปเยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็นบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน รวมทั้งอะไรต่างๆ มากมาย หรือจะเป็นในเรื่องของบัญชีธนาคาร ทางหน่วยราชการ ต้องตรวจเอกสารว่าเอกสารต่างๆ ที่ทำมาถูกต้องหรือไม่ มันคลาดเคลื่อนหรือไม่ ใช้เวลาในการพิจารณานาน หลังจากที่จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเสร็จ เวลาจะไปจัดตั้งโรงงาน ก็ต้องไปกรอกข้อความ ในทำนองเดียวกันที่กระทรวงอุตสาหกรรมอีก

แต่ถ้าหากว่าทำให้เป็น Digital การที่จะไปขออนุญาตที่กระทรวงอุตสาหกรรม จะทำได้อย่างง่ายขึ้นหรือแม้แต่ไปขอ BOI จะสามารถทำได้ง่ายขึ้นมาก การตรวจสอบอะไรต่างๆ ไม่ยาก ก็คือเพียงแต่ว่าเจ้าของข้อมูลอนุญาตให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ การดำเนินการต่างๆ จะรวดเร็วและก็ประหยัดเวลา ประหยัดค่าใช้จ่ายประชาชน เวลาที่จะไปสมัครงาน ไม่ว่าจะเป็นกับภาครัฐหรือเอกชนข้อมูลต่างๆ ที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการศึกษา ในเรื่องของประสบการณ์ทำงาน ก็อยู่ในข้อมูลใน Digital Identity ทั้งหมด ซึ่งเพียงแต่อนุญาตให้หน่วยงานเข้าถึงข้อมูลนั้นได้ การดำเนินการต่างๆ จะสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพไม่ซ้ำซ้อน สามารถเพิ่ม productivity หรือผลิตภัณฑ์ของประเทศไทยได้ หากมีโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่สมบูรณ์ที่ดี จะเป็นตัวดึงดูด ที่จะทำให้บริษัทต่างๆ ที่มีความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมดิจิทัล เข้ามาลงทุนในประเทศไทยเรา

อยากให้มีการตั้งศูนย์ Data Center โดย aws หรือ Google ซึ่งจะมีการลงทุนอย่างมีอำนาจสำคัญซึ่งประเทศไทยต้องมีความพร้อม ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่ดีพอ นอกจากนี้ประชาชนของไทยที่มีความรอบรู้ มีดิจิทัลในเรื่องของเกี่ยวกับธุรกิจดิจิทัล จะสามารถที่จะเป็นลูกค้าที่ดี หรืออาจจะเป็นโค้ดเดอร์เป็นคนเขียนโปรแกรมเป็น startup และสร้างอุตสาหกรรมใหม่ๆ ได้อีกมากมาย ถ้าหากว่าประเทศไทยสามารถเข้าไปมีแชร์ เข้าไปมีส่วนแบ่งตลาด ในเรื่องของอุตสาหกรรมดิจิทัล ในเรื่องนี้ไม่กังวล หากปัญหาหนี้สาธารณะเพียง 12-13 ล้าน ไม่ยากลำบาก ไม่เหนือกว่าแรงที่ประเทศไทยจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ และสามารถทำให้ประเทศไทย สามารถเข้าสู่งบประมาณสมดุลในเวลาไม่นานนัก# ภาพ/ข่าว ณพล บริบูรณ์ รายงาน 087-614-2444

Related posts