การท่าอากาศยานอู่ตะเภา ประกาศความพร้อมความเป็นมาตรฐาน เปิดอาคารที่พักผู้โดยสารแห่งที่ 2 รองรับผู้ใช้บริการทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ ได้ถึง 3 ล้านคนต่อปี เตรียมขยายสายการบินเพิ่ม จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย รวม 18 สายการบิน 36 เส้นทาง สร้างความเชื่อมั่นทุกมิติด้วยระบบการตรวจตราภาคพื้นดินภาคพื้นอากาศ ควบคุมอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก และระบความปลอดภัยทุกด้าน
วันที่ 4 ธ.ค.2562 ฯพณฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้เกียรติเดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดอาคารที่พักผู้โดยสาร แห่งที่ 2 ณ ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง -พัทยา ต.พลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง โดยมี พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะประธานกรรมการบริหารกองทุนการท่าอากาศยานอู่ตะเภา และ พลเรือโท กฤชพล เรียงเล็กจำนงค์ ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานอู่ตะเภา ให้การต้อนรับพร้อมทหารกองเกียรติยศให้การต้อนรับอย่างสมเกียรติ ตลอดจนได้พาคณะนายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมสถานที่ภายในอาคารที่พักผู้โดยสาร ประกอบไปด้วยห้องผู้โดยสารขาเข้าภายในประเทศ โถงผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ และห้องอุปกรณ์ในการตรวจสอบ ระบบติดตามผู้โดยสาร การตรวจสอบบุคคลต้องสงสัย ร้านค้าภายในท่าอากาศยาน
ซึ่งในวันนี้ได้มีคณะผู้ติดตามนายกรัฐมนตรี โดยมี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมตรีว่าการการทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยวว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอก นภนต์ สร้างสมวงษ์ รองปลัดกลาโหม พลเรือเอก พชร พุ่มพิเชษฐ์ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด นายอธิรัช รัตนเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ฯลฯ และผู้ติดตามอีกจำนวนหลายท่าน ได้มาร่วมเป็นสักขีพยานในการเปิดอาคารที่พักผู้โดยสารแห่งที่ 2 พร้อมรับทราบถึงการพัฒนาสนามบินแห่งนี้ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น ยอมรับต่อนานาประเทศ
ส่วนทางด้าน พลเรือโท กฤชพล เรียงเล็กจำนงค์ ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานอู่ตะเภา กล่าวว่า ถึงแม้ว่าภาพลักษณ์ของสนามบินแห่งนี้เป็นสนามบินทางทหาร ก็ไม่ผิด แต่นั่นเป็นเพียงภาพของอดีตที่ใช้ทางด้านการทหารเพียงด้านเดียว แต่ในปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนแปลง การพัฒนาในเชิงพาณิชย์ เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมาสนามบินแห่งนี้ได้แก้ไขปัญหาวิกฤตฉุกเฉินให้ประชาชน สังคม และประเทศชาติได้ โดยเฉพาะเหตุการณ์สำคัญ ๆ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 2551 ได้มีการบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ อีกทั้ง กรณีเกิดภัยธรรมชาติ พายุ ฝนตกหนัก เมื่อวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2561 เที่ยวบิน EK418 ซึ่งเป็น เครื่องบินA380 สายการบินต่างประเทศ ได้แก้ไขสถานการณ์เร่งด่วน ทำการบินลงที่สนามบินอู่ตะเภา เป็นครั้งแรก เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ จึงทำการบินต่อไปยัง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
จะเห็นได้ว่าเมื่อเกิดวิกฤตครั้งใด สนามบินอู่ตะเภา ซึ่งเป็นสนามบินทหาร ด้านความมั่นคง ก็สามารถรองรับการแก้ไขปัญหาได้เสมอมา อีกทั้งยังใช้งานในภารกิจเที่ยวบินทางทหาร และ เที่ยวบินขนส่งเพื่อมนุษยธรรม ในเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อเมื่อรัฐบาลได้เล็งเห็นความสำคัญ ตลอดจนศักยภาพในทุกมิติ จึงได้อนุมัติกองทุนให้ สนามบินอู่ตะเภา โดยการท่าอากาศยานอู่ตะเภา บริหาร จัดการเชิงพาณิชย์ เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาพื้นที่สนามบินแห่งใหม่ในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ใช้พื้นที่จำนวน 6,500 ไร่ การท่าอากาศยานอู่ตะเภาจึงพัฒนา เพื่อรองรับทุกความต้องการของผู้โดยสาร เชื่อมโยง และสนับสนุนการเดินทาง การขนส่งทางอากาศ ให้เกิดความพร้อมสู่สนามบินพาณิชย์แห่งที่ 3 ของประเทศไทย อันจะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศ พร้อมทั้งส่งเสริมเขตเศรษฐกิจพิเศษ และการเชื่อมโยงผู้โดยสารกับสนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ และเป็น Aviation Hub หลักของภูมิภาคนี้อีกด้วย…..
พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และประธานกรรมการบิหารกองทุนการท่าอากาศยานอู่ตะเภา ระยอง-พัทยา กล่าวว่า สนามบินแห่งนี้ได้เปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 รวมระยะเวลาในการบริหาร จัดการ 30 ปี ปัจจุบัน มีจำนวนผู้โดยสารมากกว่า 2 ล้านคนต่อปี จำนวนเที่ยวบิน ประมาณ 15,000 เที่ยวบินต่อปี เป็นสาเหตุให้อากาคารที่พักผู้โดยสารแห่งที่ 1 ซึ่งสามารถรองรับผู้โดยได้เพียง 7 แสนคนต่อปี เกิดความแออัด ไม่สามารถให้บริหารผู้โดยสาร สายการบินพาณิชย์ และนักเที่ยวได้เต็มศักยภาพ
จึงได้มีการก่อสร้างอ่าคารที่พักผู้โดยสาร แห่งที่ 2 ขึ้น เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของธุรกิจการบินทั้งภายใน และต่างประเทศ ให้สามารถเชื่อมโยงการเดินทางสู่พื้นที่ภาคตะวันออก และยังสนับสนุนการยกระดับพื้นที่เศรษฐกิจจภาคตะวันออกอให้เป็นเศรษฐกิจชั้นนำของภูมิภาค ตามโตรงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือโดรงการ อีอีซี( Eastern Economic Corridor)ของรัฐบานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยอาคารที่พักผู้โดยสารแห่งที่ 2 จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 3 ถึง 5 ล้านคนต่อปี และจะสามารถให้บริการได้เต็มศักยภาพจนถึง พ.ศ. 2570
และกล่าวอีกว่า อาคารที่พักผู้โดยสารแห่งนี้ อยู่ในความรับผิดชอบ บริหาร จัดการ ของ การท่าอากาศยานอู่ตะเภา โดยมี พลเรือโท กฤชพล เรียงเล็กจำนงค์ ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการท่าอากาศยานอู่ตะเภา ได้ทำการทดสอบระบบการใช้งาน การควบคุม การตรวจสอบเรื่องวัตถุ เรื่ององค์บุคคล ตลอดจน การให้บริการด้านต่าง ๆ ซึงได้รับความร่วมมือจาก ภาครัฐ เอกชน ที่ร่วมระดมความคิด การปฎิบัติ ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล อย่างเต็มรูปแบบมาตั้งแต่เดือน มีนาคม 2562 ผลการดำเนินการในภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี ผลการดำเนินกิจการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย วันนี้จึงได้เรียนเชิญ ฯพณฯ พลเอก ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ
ธีรวัฒน์ อินธิพันธ์ รายงาน